ซอกเนื้อ เรียมฉงน - นิยาย ซอกเนื้อ เรียมฉงน : Dek-D.com - Writer
×

    ซอกเนื้อ เรียมฉงน

    นิยายแนวอีโรติคย้อนสมัยรำลึกความเฟื่องฟูของหนังสือปกขาวยุค๕๐ปีก่อน ด้วยสำนวนจีนกำลังภายในและไทยบุราณ

    ผู้เข้าชมรวม

    430

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    18

    ผู้เข้าชมรวม


    430

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    3
    หมวด :  รักสีเทา
    จำนวนตอน :  9 ตอน (จบแล้ว)
    อัปเดตล่าสุด :  7 ม.ค. 65 / 12:57 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บางส่วนของ'ซอกเนื้อ เรียมฉงน'…….

     

    มันเองก็คล้ายมิอาจหยั่งรู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด   กระทำการใดลงไปบ้าง หากมันรู้สึกตัวเมื่อนอนตัวเปลือยล่อนจ้อนเคียงข้างนางบนเตียง

    แต่กลับเป็นมันเพิ่งฉุกคิดคำสอนของบุรุษไร้นาม พลันกล่าวว่า “ข้าแว่วชื่อเสียงของนางผ่านริมฝีปากผู้คนอื่น คล้ายว่าเยี่ยงไรจึงกล่าวขานกันอื้ออึง?  ข้าปรารถนารสสัมผัสนั้นด้วยดวงตาแลร่างกาย”

    นางแย้มยิ้ม เป็นยิ้มยั่วยวน กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเบาๆหากปลุกเร้าอารมณ์หวั่นไหว “กลับเป็นว่าปรารถนาข้ากระทำต่อเจ้า?”

    นางยิ้มหวานหยาดเยิ้ม ปรายตามองมัน สายตานางเหมือนเร่งกระพือไฟราคะในหัวใจมัน

    “ข้ากลับปรารถนาเยี่ยงนั้นบ้าง ฟังว่าการเปลี่ยนรสชาติจากที่ชาชินบ้างย่อมกระตุ้นเร้าได้ดี?”  มันโป้ปดอย่างยิ่ง  แต่กลับสำเร็จอย่างยิ่ง

    มันนอนหลับตาพริ้มรับรสสัมผัสของนาง พลันรู้สึกร้อนวูบวาบทั่วทั้งร่างกาย ฤๅนี้คือรังสีอำมหิตสั่นสะท้านขวัญบุรุษทุกนาม?

    กระบวนท่าของนางนั้นเล่า...ล้วนพลิกแพลงประการหนึ่ง  ลึกล้ำประการหนึ่ง  ฟังว่ากระบวนเพลงดาบที่ฝึกปรือกันตลอดวัยหนุ่มมิอาจหยุดต้านขวัญผู้คนให้นิ่งเฉยได้!

    เป็นนางตั้งใจจะสะกดความถวิลหาหญิงทั้งมวลของมันไว้ที่นาง ดั่งนี้จึงมิอาจไม่ถั่งโถมกระบวนท่าพลิกแพลงแลดัดแปลงแก่มัน  นางใคร่ฝากกระบวนท่านี้ให้มันจดจำรำลึกถึง  จวบจนสตรีนางสุดท้ายที่มันได้เสพสุข มันจะมิอาจไม่หวนกระหวัดคิดถึง  ชมเชยเสน่หาแห่งเรือนร่างของนางได้

    เรือนร่างอวบอัดของนางกอดรัดมันแนบแน่น คล้ายว่างูเหลือมร้ายกำลังบีบรัดเหยื่อให้หมดเรี่ยวแรงก่อนกลืนกิน สติสัมปชัญญะบอกมันอย่างนั้น แต่มันกลับไม่หมดแรง  เพียงอ่อนเปลี้ยกึ่งหนึ่ง  สะท้านไหวอีกกึ่งหนึ่ง 

    ร่างเปล่าเปลือยของหยางกุ้ยพลิกตัว อวดเนื้อนวลขาวผ่องบางส่วน ชวนให้หัวใจมันหวั่นไหวนักฃ

                    --------------------------------

    เรือนร่างของนางขาวดุจงาช้าง สูงสง่า ใบหน้าคาดว่านางสูงวัยกว่ามันหลายขวบปี แต่สวยคมด้วยดวงตาที่มองมันอย่างหยาดเยิ้ม ริมฝีปากเผยอแย้มยิ้มยั่วยวน  ทรวงอกเหมือนผลส้มโอโตเต็มที่เบียดกันระหว่างซอกแขนสองข้าง หากเอวของนางคอดกิ่วเหมือนแจกันขนาดใหญ่ราคาแพง หากสะโพกผายกว้าง โคนขาอวบเนื้อหนั่น ท่อนขาเรียวยาว ดุจประติมากรชั้นเลิศของโลกบรรจงเสกสรรเรือนร่างแลใบหน้าของนาง ยืนไขว้ขากันเล็กน้อย ผายมือออกเหมือนเชื้อเชิญมัน

    “ไอ้ลูกเต่า คลานเร็วไวมาหาแม่ซี” ย่อมเป็นคำสบประมาทเย้ยหยันบุรุษเพศซึ่งไม่ประสีประสา  หากเป็นนางคาดเดาผิดอย่างยิ่ง เนื่องด้วยนี่...ซัวะเซี้ยงตอ!   

    “อีแม่เต่า! ไอ้ลูกเต่าจะเร่งคลานไปซบอีแม่เต่าในบัดดลนี้”  ย่อมไม่ใช่คำสบประมาทย้อนกลับ 

    มันมิอาจไม่ยกย่องเทิดทูนนางได้ หลังจากมันแลเห็นสรีระของนางบางส่วน บุรุษใดทางที่ประเสริฐ  ควรสรรเสริญสมบัติที่ธรรมชาติเสกแต่งมอบแปะไว้กลางร่างนางให้ผู้คนคะนึงหา  แลบัดนี้มันลืมความปรารถนาชมห้องนอนของนางในพลัน!

    นางหัวร่อคิดคัก คงจะพึงพอใจกับคำเรียกขานของมันที่แฝงยกย่อง

    เป็นมันก้มตัวลงคลานเข้าไปหานางจริงๆ!

    มันเปลื้องเสื้อผ้าด้วย  คลานไปด้วย  มันครุ่นคิดว่ามิบังควรเร่งสวมเสื้อผ้าเลย แท้จริงแล้วบุรุษกับสตรีในยามนี้อย่างไรเสียก็ต้องถอดเสื้อผ้า

    แต่ร่างเปลือยเปล่าขาวนวลเบื้องหน้ามิอาจไม่ทำให้มันกระวนกระวายใจ รีบร้อนคลานปานว่าคนโซพบบ่อน้ำกลางทะเลทรายก็ปาน

    มันจะอย่างไรเสียก็เป็นลูกเต่าที่มิอาจไม่ชะแง้มองชื่นชมแม่เต่าของมัน!

    มันกระทำอย่างรักษาสัตย์วาจามั่นคง กลับเป็นแชกิมฮวยถึงกับเข่าอ่อน ระทดระทวยทรุดร่างลงบนแคร่ยาว  ไอ้ลูกเต่ากลับคลานขึ้นไปคลอเคลีย

    ซัวะเซี้ยงตอเกษมสันต์อย่างยิ่ง แชกิมฮวยอิ่มเอมอย่างยิ่ง

    มันเป็นลูกเต่าย่อมยังมีอายุยืนยาว การกระทำย่อมยืนยาว กระทำการแม้เชื่องช้าบ้าง หากไม่ถึงกับเงอะเงิ่นน่ารำคาญ 

    ทั้งเต่าแลเต้ามิอาจพลาดหลุดจากอุ้งมือมันได้เลยในเวลาเดียวกัน!

    กลับเป็นว่าแม่เต่าส่งเสียงครวญคราง สุ้มเสียงนั้นบ่งบอกคล้ายดั่งว่าเจ็บน้อยกว่ากึ่ง หากระคนหฤหรรษ์มากกว่ากึ่ง!

                ----------------------------------------

    ท่านจมื่นสุรการศาสตรานั้นเล่า  หัวใจก็เต้นระทึกมิแผกกัน   แม่คุณเอ๋ย  สีไพรเอ๋ย  เนื้อตัวเจ้าทั่วทั้งร่างเนียนนุ่มแลแน่นไปทุกส่วน ตลอดทั้งเรียวขาเจ้าสองข้างนี้เล่า มิใช่ขาของแม่หญิงที่เคยเดินบุกฝ่าดงหญ้ารกในสวนมาแต่อ้อนแต่ออกเลย   พงหญ้าในเรือกสวนเจ้าคงแหวกฝ่ามานักต่อนัก ยามนี้เจ้าพักนอนให้สบายใจเถิด  ขอข้าได้แหวกฝ่ามันเพื่อก้าวเดินบ้างเถอะนะ  มันเป็นหญ้าอะไรข้ามิรู้จักดอก แต่มันต้องหาใช่หญ้าแฝกหญ้าคาไม่  ด้วยว่ามันนุ่มมือข้าดุจเส้นไหมกระนั้นเชียว  

    เอาล่ะ  ข้าจะเดินบุกตะลุยขึ้นดอนขึ้นเนินหาได้ย่อท้อไม่  ขอเพียงมีแอ่งน้ำให้ข้าได้พักแสวงหาความรื่นรมย์ ได้จิบกินแก้หิวกระหาย  แลให้ข้าได้พักเหน็ดเหนื่อยนอนทอดกายบนผืนลาด ข้านี้เหมือนมีกำลังคึกดุจโคถึกนั่นเทียว  แล้วเจ้าล่ะ เจ้าหวั่นหวาดว่าข้าจะเจอะเจอภยันตรายกระนั้นฤๅ  จึงได้บิดหน้ามิอาจดูข้าดุ่มเดินรุดหน้าฝ่าด่านแล้วด่านเล่า  เนื้อตัวรึก็สั่นระริก ร่างเจ้าก็บิดไปมาราวกับเกลียวเชือกที่เขาควั่นมัดแล้ว  ข้าพบดอกปทุมบานดอกใหญ่คู่หนึ่งชูก้านเบียดดอกกันราวกับเป็นแฝด  ข้านี้มิอาจนิ่งเฉยผ่านไปโดยไม่ดมดอม  แลกระนั้นก็ยังมิหนำใจ ข้าตะโบมจูบลูบคลำ  แลกัดแทะเมล็ดที่ทะลักนูนอยู่ด้านบน ข้านี้มิอาจจิกทึ้งดึงออกมาได้ไม่  ข้าจึ่งได้แต่แทะเล็มความหอมหวานของมัน

                               ---------------------------------

    สาวเจ้านอนบิดตัวเหมือนปลาช่อนถูกทุบหัวก็มิผิด   สองมือขยำเส้นฟางแน่นเหมือนจะยึดมันไว้มิให้ตัวเจ้าลอยละลิ่วไป   หากเส้นฟางนั้นเล่ากลับติดมือเจ้ามา มิอาจรั้งร่างเจ้าให้นอนนิ่งได้ แลกระนั้นก็มิอาจยักย้ายตัวได้สะดวกดั่งที่หัวใจปั่นป่วนเจ้าบงการ   ด้วยว่าต้นขาของเจ้าโดนใบหน้าอ้ายโชนบดทับไว้ สาวเจ้ารู้สึกเหมือนโดนปลาตอดที่ท่อนขาเมื่อยามลงว่ายน้ำที่ท่า ครานั่นเจ้านึกรำคาญก็เพียงแค่โบกมือปัด หากว่าครานี้มิรู้รำคาญ กลับอยากให้มันตอดไปจนทั่วขาทั้งสองข้าง  สาวเจ้ามิได้เอ่ยปากบอก  หากอ้ายโชนก็มิได้ว่างเว้น   

    ใช่แท้เทียวพลับพลึงเอ๋ย ที่คนเฒ่าคนแก่บอกว่าทุกนางงามสรรพเมื่อดับเทียน  ร่างกายเจ้ามีส่วนใดบ้างล่ะมิงามบาดหัวใจข้า รัญจวนใจนักล่ะยามที่ข้าจูบเจ้า  แลเจ้ารู้สึกกระสันปั่นป่วนเยี่ยงนี้  เออแน่ะ  ข้ามัวแต่เชยชมเจ้า จนลืมไปแล้วซีว่าข้าเอ่ยปากจะช่วยเจ้าตำข้าว  

    ถอดเสื้อผ้าออกก่อนมิดีกว่ารึ เหงื่อจะได้มิเปียกเปื้อน สากในมือข้าก็ถนัดมือดีนักล่ะ ข้าจะตำข้าวเปลือกให้เปลือกมันกะเทาะออก  เหลือเป็นเนื้อข้าวสาร  ข้ายกสากขึ้นตำแล้วนะ  เจ้าประคองครกไว้ให้ดีล่ะข้าปักปลายสากลงกระทุ้งในครกแม่นยำไหมล่ะ 

    นี่ไงล่ะ  ด้วยว่ากระทุ้งลงไปคราใดมิผิดจากก้นครกเลยแม้แต่น้อย กี่ทีต่อกี่ทีแล้วล่ะ เออแน่ะ มีแต่เมล็ดข้าวจะทะลักออกมาริมขอบครก ข้าต้องกระแทกเบียดด้านข้างบ้างแล้วล่ะ  เจ้าระวังมือหน่อยนะ  จวนได้การแล้วล่ะ ข้าต้องกดปลายสากบดทั่วครก   ทั้งขอบข้างรอบๆแล้วยังก้นครกอีกล่ะ   

    ไอ้หนุ่มโชนมิได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อย  พละกำลังตำข้าวของมันนั้นมากมายนักล่ะ  แลกระนั้นก็ไม่ได้รู้เบื่อหน่าย  หากเป็นสาวเจ้าที่เอียงอายกับท่าทางขมีขมันของมัน  มือก็จับประคองขอบครกมิให้เคลื่อน หากว่าเจ้าช่วยหมุนครกให้มันตำข้าวได้ทั่วทั้งครก

    แล้วการก็ลุล่วง ด้วยว่าเปลือกข้าวสารแตกร่วนกลายเป็นรำข้าว เปลือยเมล็ดข้าวขาวนวลให้เชยชม ไอ้หนุ่มโชนแม้จะแข็งแรงหากก็ต้องรู้จักเหน็ดเหนื่อยบ้างล่ะ มันทิ้งสากด้ามยาว ล้มตัวลงนอนกับพื้น   สาวเจ้านั้นเล่าแม้มิต้องออกแรง หากหัวใจเจ้าประหวั่นพรั่นพรึงไปกับท่าทางของมัน แลกริ่งเกรงว่ามันจะตำผิดที่ผิดทาง มิเหนื่อยกาย หากเหนื่อยใจยิ่งนัก  สาวเจ้าก็ล้มตัวลงนอนเคียงข้างมัน ส่งเสียงหอบเบาๆ

    หนุ่มสาวทั้งสองนอนพักเหนื่อยได้มินาน ก็ได้ยินเสียงตะโกนแว่วมาจากบนเรือน

    “อีพลับพลึง  ดึกดื่นแล้วนะโว้ย  จะขยันผิดเวล่ำเวลาเสียล่ะเอ็ง  ข้าวสารรึก็เต็มกระบุงวางอยู่ในครัวน่ะ  เอ็งมิเห็นดอกรึ”

    ไอ้โชนอยากอ้าปากหัวร่อให้ลั่นสนั่นทุ่ง แต่สาวเจ้ากระบิดกระบวนเหนียมอาย  อดมิได้จะหยิกแขนไอ้หนุ่มแก้ขวย พลางฉวยเสื้อผ้ามาห่มร่างที่เปลือยเปล่า
     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น